กระต่ายมีสองชนิด คือ
กระต่ายบ้านและกระต่ายป่า กระต่ายบ้านแตกต่างไปจากกระต่ายป่ามาก
กระต่ายบ้านเป็นกระต่ายที่เชื่อง เลี้ยงง่าย เวลาคลอดลูกมันจะเตรียมรังคลอด
โดยรวบรวมวัสดุ เช่น ใบไม้ ใบหญ้า หรือฟางแห้งมารองรัง
ก่อนคลอดจะดึงขนบริเวณใต้ท้องออกมาบุรังเพื่อให้รังอ่อนนุ่ม
ลูกกระต่ายบ้านที่เกิดใหม่ยังไม่มีขน มีแต่หนังบางๆ สีชมพู หูปิด ตาปิด ตัวเล็ก
จนเมื่อได้กินนมแม่จึงจะโตเร็วสมบูรณ์มีขนขึ้นเต็มตัว หูตาปิด
และวิ่งออกมานอกรังได้เมื่ออายุประมาณ 2
สัปดาห์ และเริ่มกินอาหารหรือใบหญ้าได้เมื่ออายุประมาณ 3 สัปดาห์
ส่วนกระต่ายป่านั้นตัวใหญ่ หูยาว ขาวยาว วิ่งได้เร็วมาก
เลี้ยงลูกโดยการขุนรูทำรังในดิน ลูกกระต่ายเมื่อเกิดใหม่จะโตเร็วมาก
มีขนขึ้นเต็มตัวและลืมตาได้ในเวลาอันสั้น
กระต่ายทีเลี้ยงกันในปัจจุบันเป็นกระต่ายบ้าน
ซึ่งมีอยู่มากมายหลายประเภทและหลายพันธุ์ด้วยกัน แตกต่างกันในทางการใช้ประโยชน์
รูปร่างลักษณะสีและลักษณะของตน ขนาดและความสามารถในการให้ลูก ให้เนื้อ
ในประเทศไทยเราเอง การเลี้ยงกระต่ายยังไม่แพร่หลายการเลือกพันธุ์จึงค่อนข้างจำกัด
แต่อย่างไรก็ตามปัญหาเรื่องการสั่งซื้อพันธุ์กระต่ายมาเลี้ยงไม่เป็นเรื่องยากลำบากเพราะการเลี้ยงสามารถสั่งซื้อพันธุ์กระต่ายจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยงได้ง่าย
หรือจะซื้อพันธุ์กระต่ายจากหน่วยงานของรัฐ เช่น จากกรมปศุสัตว์
จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือจากฟาร์มอกชนมาเลี้ยงได้
พันธุ์กระต่ายที่นิยมเลี้ยงมีดังนี้
1. พันธุ์นิวซีแลนด์ไวท์ กระต่ายพันธุ์นี้เป็นกระต่ายที่มีผู้นิยมเลี้ยงกันแพร่หลายมาก
ทั้งเลี้ยงเพื่อเอาเนื้อและเพื่อเอาเฟอร์(หนังติดขน) เป็นกระต่ายสีขาวสะอาด
งดงาม ตาสีแดง เลี้ยงง่าย ให้ลูกดก
เนื้อมีคุณภาพสูงจึงนิยมเลี้ยงเป็นกระต่ายเนื้อส่งตลาด กระต่ายพันธุ์นี้เติบโตเร็ว
ลูกกระต่ายอายุ 2 เดือนหนักถึง 2
กิโลกรัม ตัวผู้ตัวยาวถึง 18 นิ้วครึ่ง หนัก 4.5 กิโลกรัม ตัวเมียยาว 19 นิ้วครึ่งหนัก 5 กิโลกรัม จัดขนาดที่อยู่ในความต้องการของตลาด
ในประเทศไทยนิยมใช้เป็นพ่อพันธุ์ผสมกับแม่พันธุ์กระต่ายพื้นเมือง
2. พันธุ์แคลิฟอร์เนียน
เป็นกระต่ายที่นิยมเลี้ยงกันทั่วไปเช่นกระต่ายพันธุ์นี้มีสีขาวและมีสีด่างดำที่จมูก
หู ขา และหาง ตาสีชมพู เลี้ยงโตเร็ว ให้ลูกดกและเลี้ยงลูกเก่ง ให้เนื้อมาก
มีเนี้อเต็มและแน่น สะโพกกลม เป็นกระต่ายขนาดกลาง
นิยมเลี้ยงเป็นกระต่ายเนื้อและใช้ในงานโชว์มากที่สุดพันธุ์หนึ่ง
3. พันธุ์ดัทช์ เป็นกระต่ายพันธุ์ขนาดเล็ก มีสีขาวบริเวณปาก ช่วงอกและขาหน้า
นอกจากนั้นเป็นสีดำซึ่งรวมทั้งหัวและใบหู ให้เนื้อมีคุณภาพและมีเปอร์เซ็นต์ซากสูง
เป็นกระต่ายที่โตเร็ว เลี้ยงง่าย ให้ลูกดกและเลี้ยงลูกดี
4. พันธุ์เฟลมมิชไจแอน
กระต่ายพันธุ์นี้มีหลายสี ตั้งแต่สีเทาแก่
เทาอ่อน สีดำ และสีขาว จัดเป็นกระต่ายพันธุ์ใหญ่และหนักที่สุดพันธุ์หนึ่ง
คือเมื่อโตเต็มที่มีน้ำหนักถึง 6.5 กิโลกรัม ให้หนังผืนใหญ่ มีอกกว้าง ลำตัวยาว บั้นท้ายแน่น เนื้อเต็ม
สีที่นิยมคือ สีเทา
5. พันธุ์ซินชิลล่า
เป็นกระต่ายขนาดเล็ก ขนสีเทา เลี้ยงง่ายโตเร็วให้ลูกดก
และเลี้ยงลูกดี ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่หนัก 2.5-3.5 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 3-3.8 กิโลกรัม
เนื่องจากมีขนสีเทาเมื่อชำแหละนำขนไปฟอกใช้ประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้ต่างๆได้อย่างสวยงาม
6. พันธุ์พื้นเมืองและพันธุ์อื่นๆ
มีกระต่ายที่เลี้ยงกันตามพื้นบ้านของไทย
ซึ่งมีอยู่มากมายหลายแบบ และผสมปนเปกันจนไม่สามารถจัดเป็นพันธุ์ใดได้แน่นอน
เพราะเลี้ยงกันมานาน มีสีสันต่างๆ กัน เช่น สีดำ ขาว น้ำตาล และเทา
แต่โดยทั่วไปนิยมสีขาวตาแดง ขนาดของกระต่ายพวกนี้ประมาณ 2-2.5 กิโลกรัม ค่อนข้างโตช้าแต่อดทน
กินอาหารพื้นบ้านได้ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น